
แนวโน้มของทุกชาติทั่วโลกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือกำลังก้าวสู่
“สังคมแห่งผู้สูงอายุ” (Ageing Society) โดยข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติคาดการณ์ไว้ว่า
ในปี พ.ศ. 2568 ทั่วโลกจะมีประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ถึง 1,200 ล้านคน
ในปี พ.ศ. 2593 จะมีประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี กว่า 2,000 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของประชากรโลกทั้งหมด
และที่น่าตกใจ ในปี พ.ศ.2590 จะเป็นครั้งแรกของโลกที่จำนวนประชากรอายุ 60 ปีจะมีมากกว่าจำนวนประชากรเด็ก
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ประเทศไทยมีประชากรทั้งหมด 64.5 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุอายุ 60 ปีขึ้น 9.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 14.5 ของประชากร โดยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5 แสนคน
คาดว่าภายใน ในปี 2568 ไทยก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) จะมีประมาณ 14.4 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นเกินร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด กล่าวคือ
จะมีผู้สูงอายุ 1 คน ในประชากรทุกๆ 5 คน
ดังนั้นในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการรองรับสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งกระทรวงการคลังได้มอบให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมกับธนาคารออมสินคิดค้นผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อรองรับความต้องการของผู้สูงอายุ โดยเปลี่ยนบ้านอันเป็นสินทรัพย์ให้กลายมาเป็นเงินได้รายเดือนคล้ายกับเงินบำนาญ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุในวัยหลังเกษียณมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแม้ไม่มีลูกหลานดูแล
“Reverse Mortgage” คือ การนำบ้านมาจำนองไว้กับธนาคารเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุมีรายได้นอกเหนือจากสวัสดิการทั่วไป
เริ่มใช้เป็นครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา เมื่อปีพ.ศ. 2531 เรียกว่า Home Equity Conversion Mortgage (HECM) และเริ่มเป็นที่นิยมในประเทศต่างๆ มากขึ้น เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ เป็นต้น
สำหรับประเทศไทยเริ่มใช้ Reverse Mortgage เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยธนาคารจะตีมูลค่าบ้านพร้อมกับประเมินอายุเฉลี่ยของผู้จำนองแล้วทยอยจ่ายค่าบ้านคืนให้เป็นรายเดือน ซึ่งผู้ที่จะนำบ้านมาจำนองได้ ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และต้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัยจริง ไม่ใช่บ้านพักตากอากาศหรือบ้านที่ซื้อไว้เพื่อการลงทุน และเป็นบ้านที่ผ่อนจ่ายเรียบร้อย ไม่ติดจำนองใดๆ เป็นต้น
ที่สำคัญเมื่อนำบ้านเข้าร่วมโครงการนี้แล้ว เจ้าของบ้านและสมาชิกทุกคนในบ้านยังสามารถอยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ได้ไปจนกว่าเจ้าของบ้านจะเสียชีวิตลง บ้านจึงจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคารผู้ปล่อยกู้ ซึ่งจะถูกนำไปขายทอดตลาดต่อไป เมื่อขายได้ เงินนั้นจะถูกนำมาหักออกจากเงินที่ธนาคารได้จ่ายให้กับผู้สูงอายุที่นำมาจำนองในทุกๆ เดือน จากนั้นธนาคารหักค่าส่วนต่างไว้ร้อยละ 20 ของราคาบ้าน แล้วจึงนำส่วนที่เหลือส่งคืนให้ทายาท
Reverse Mortgage จึงอาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้สูงอายุที่มีบ้านเป็นของตนเอง แต่ไม่มีทายาทมาดูแล ให้สามารถมีรายได้มาใช้จ่ายเลี้ยงดูตนเองไปจนตลอดชีวิต และยังเป็นอีกคำตอบที่เข้าใจผู้สูงวัยเรื่องการจัดการและส่งต่อทรัพย์สินของตนเองสู่คนรุ่นต่อไปในห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิตอีกด้วย
แล้วคุณล่ะ เตรียมพร้อมมากแค่ไหนสำหรับการข้ามสู่ “สังคมแห่งผู้สูงอายุ”
ง่ายๆสำหรับการเตรียมพร้อมคือมีบ้านเป็นของตัวเองซะตั้งแต่วันนี้ จะได้มีชีวิตในวัยเกษียณอย่างสบาย โดยไม่พึ่งลูกหลาน
ปัจจุบันนี้คุณมีบ้านแล้วหรือยัง ??
--------------------------------------------------------------------------------------------------
เราเป็นผู้ประกอบการธุรกิจอสังหา สมาชิกสมาพันธ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย
- -รับปรึกษาเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ฟรี
- -รับฝากขาย ขายฝาก เช่า อสังหาริมทรัพย์ทุกชนิด ฟรี โฆษณา/การตลาด
- -รับค่าแนะนำ เพียงแนะนำเพื่อน ฝากขาย ขายฝาก ซื้อ อสังหาริมทรัพย์
สนใจติดต่อ ฐากร (โอ้)
เบอร์โทร : 096-1591963
Line ID : https://line.me/R/ti/p/%40fso1945c
Email : 108baanteedin@gmail.com
Facebook : https://www.facebook.com/108baanteedin/
Website : http://108baanteedin.lnwshop.com/
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา :
บทความ”นับถอยหลังสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” โอกาสหรืออันตรายของ “เอสเอ็มอีไทย””จาก MGR online
บทความ”Reverse Mortgage ทางเลือกที่เลือกได้ของวัยเกษียณ ” จาก Creative Thailand
บทความ “เห็นชอบ 4 มาตรการรับสังคมสูงอายุ ออกสินเชื่อที่อยู่อาศัยไว้ใช้จ่ายยามชรา” จากประชาชาติธุรกิจออนไลน์
| หน้าที่เข้าชม | 4,260 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 3,301 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 28 มิ.ย. 2560 |
| ร้านค้าอัพเดท | 17 ก.ย. 2568 |